

ประวัติความเป็นมา 
"ลำมาศไหลผ่าน บ้านเมืองน่าอยู่ ผู้คนสุขภาพดี ประเพณีวัฒนธรรมงามเด่น
เน้นพัฒนาการศึกษา คุณค่าผลิตภัณฑ์ดี สามัคคีเป็นเลิศ"
อำเภอลำปลายมาศเป็นหนึ่งในจำนวน ๒๓ อำเภอของจังหวัดบุรีรัมย์ ความหมายของชื่อ “ลำปลายมาศ” แยกได้เป็นสามคำ ดังนี้คือ
ลำ หมายถึง เส้นทางหรือสายน้ำ
ปลาย เพี้ยนและกร่อนมาจากคำส่วยหรือคำเขมรว่า “ประ” แปลว่าเงิน
มาศ เป็นคำสันสกฤตแปลว่าทองเมื่อรวมความแล้วลำปลายมาศจึงแปลว่า “เส้นทางหรือสายน้ำเงินทอง”
อำเภอลำปลายมาศตั้งอยู่ห่างจากตัวจังหวัดไปทางทิศตะวันตกระยะทางประมาณ ๓๔ กิโลเมตร
มีอาณาเขตติดต่อกับเขตการปกครองข้างเคียงดังต่อไปนี้
ทิศเหนือ ติดต่อกับอำเภอชุมพวง อำเภอลำทะเมนชัย (จังหวัดนครราชสีมา) และอำเภอคูเมือง
ทิศตะวันออก ติดต่อกับอำเภอคูเมืองและอำเภอเมืองบุรีรัมย์
ทิศใต้ ติดต่อกับอำเภอชำนิและอำเภอหนองหงส์
ทิศตะวันตก ติดต่อกับอำเภอห้วยแถลงและอำเภอชุมพวง (จังหวัดนครราชสีมา)
เดิมบริเวณอำเภอลำปลายมาศเป็นเพียงหมู่บ้านเล็ก เป็นชุมชนกลุ่มน้อย ไม่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์มากนัก จวบจนกระทั่งทางราชการได้สร้างทางรถไฟ จากจังหวัดนครราชสีมา (สร้างถึงนครราชสีมาเมื่อวันที่ ๒๑ ธันวาคม พ.ศ.๒๔๔๓ และถึงบุรีรัมย์เมื่อวันที่ ๑ เมษายน พ.ศ.๒๔๖๘) ผ่านเข้ามาทางหมู่บ้านแห่งนี้ จึงมีราษฎรหลั่งไหลเข้าจับจองที่ดิน บุกป่าถางพงปลูกบ้านแปงเมือง มีบ้านเรือนจำนวนมากขึ้นโดยลำดับ เมื่อเส้นทางรถไฟผ่านจนไปสิ้นสุดลงที่จังหวัดอุบลราชธานีแล้ว จึงมีคนตั้งชื่อหมู่บ้านบริเวณนี้ขึ้น เรียกกันมาตลอดว่า “บ้านหนองยาง” ช่วงเวลานั้นเมื่อสถานีรถไฟแล้วชาวบ้านก็ยังเรียกชื่อสถานีว่า “สถานีหนองยาง” ตลอดมา
สำหรับคำชาวบ้านทั่วไปมักจะเรียกชื่อกันติดปากว่า “สะเตหนองยาง” โดยยังขึ้นกับอำเภอนางรอง
ในปี พ.ศ.๒๔๗๙ กระทรวงมหาดไทยได้มีประกาศให้โอนหมู่บ้านและตำบลบางแห่งบางจากอำเภอพิมาย (เขตอำเภอชุมพวงในปัจจุบัน) ของจังหวัดนครราชสีมา ตั้งขึ้นเป็นตำบลโคกสะอาด โอนตำบลหนองกะทิงและตำบลหนองยางจากเขตอำเภอนางรอง ตั้งชื่อตำบลในนามเดิม รวมทั้งโอนตำบลทะเมนชัย ตำบลตลาดโพธิ์ และตำบลโคกกลางจากอำเภอเมืองบุรีรัมย์ รวมกันได้ ๖ ตำบล ต่อมาได้ประกาศจัดตั้งเป็น กิ่งอำเภอลำปลายมาศ เมื่อวันที่ ๑๕ มีนาคม พ.ศ.๒๔๗๙ ขึ้นตรงกับอำเภอเมืองบุรีรัมย์ เมื่อวันที่ ๑ มกราคม พ.ศ.๒๔๙๐ กระทรวงมหาดไทยจึงได้มีพระราชกฤษฎีกายกฐานะกิ่งอำเภอลำปลายมาศขึ้นเป็น อำเภอลำปลายมาศ
.